ซัมซุงเตรียมเปิดตัว Bespoke AI Jet Ultra เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับที่ทรงพลังที่สุดในโลก

เครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่ล้ำสมัยได้เปิดตัวในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ระดับโลกประจำปีของซัมซุง

พร้อมขยายสู่ตลาดโลก

ซัมซุง เตรียมเปิดตัว Bespoke AI Jet Ultra เครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับที่ทรงพลังที่สุดในโลก[1] ซึ่งได้เปิดตัวในงานระดับโลกอย่าง Welcome to Bespoke AI ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยโหมดทำความสะอาด AI 2.0 ที่ได้รับการอัปเกรดและระบบการกรอง HEPA ขั้นสูง นวัตกรรมล่าสุดนี้ต่อยอดความเป็นผู้นำของซัมซุงในด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าทำความสะอาดบ้านอัจฉริยะ

Jeong Seung Moon, EVP and Head of the R&D Team for Digital Appliances Business at Samsung Electronics. กล่าวว่า “ซัมซุงได้แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมที่ก้าวข้ามไปอีกระดับในตลาดเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับ ด้วยการเปิดตัวเครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นที่ทรงพลังที่สุดในโลก จากความสำเร็จของ Bespoke Jet AI ซึ่งเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับที่ใช้ AI รุ่นแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน UL[2] เรามั่นใจว่าเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับรุ่นใหม่นี้จะพลิกโฉมตลาดโลกได้อย่างแท้จริง”

ทำความสะอาดหมดจดด้วยพลังดูดที่แรงที่สุดในโลก

Bespoke AI Jet Ultra มาพร้อมกับพลังดูดสูงสุดถึง 400 วัตต์[3] เพื่อจัดการกับงานทำความสะอาดที่ยุ่งยากมอเตอร์ HexaJet เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สร้างพลังดูดอันทรงพลัง โครงสร้างสเตเตอร์หกเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมดิฟฟิวเซอร์ขั้นที่สองและใบพัดที่มีความหนาลดลง ช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพของมอเตอร์ ทำให้มีพลังดูดสูงสุดถึง 400 วัตต์ นอกจากนี้ มอเตอร์ยังช่วยให้เครื่องดูดฝุ่นทำงานได้นานถึง 100 นาทีต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้งเมื่อใช้โหมด Min[4] ผู้ใช้จึงสามารถทำความสะอาดบ้านทั้งหลังได้ในการทำความสะอาดครั้งเดียว

โหมดทำความสะอาดอัจฉริยะ AI Cleaning Mode 2.0

Bespoke AI Jet Ultra มาพร้อมโหมดทำความสะอาด AI Cleaning Mode 2.0[5] ที่ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยระบบจะตรวจจับแรงกดของแปรงและแรงดูดของลม เพื่อจำแนกสภาพแวดล้อมการทำความสะอาด[6] 6 รูปแบบ ผ่านเทคโนโลยี AI Optimum Tech ของซัมซุง และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำความสะอาดโดยอัตโนมัติ

เมื่อใช้แปรง Active Dual Brush เครื่องจะสามารถแยกแยะประเภทพรมได้ (พรมธรรมดา หรือพรมขนยาว) และยังตรวจจับมุมห้อง[7] ด้วยแปรง Slim LED Brush+ ได้อีกด้วย การปรับแรงดูดและความเร็วแปรง[8] ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่างๆภายในบ้าน ช่วยให้สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ลงถึง 21% และเพิ่มความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ 8% โดยมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการใช้งานในโหมดกลาง[9]

ระบบกรอง HEPA ขั้นสูง

ซัมซุงได้พัฒนาระบบกรองอากาศให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าฝุ่นละอองจะถูกดักจับเมื่ออากาศถูกปล่อยออกจากเครื่องดูดฝุ่น นอกจากการทำความสะอาดที่ทรงพลังและชาญฉลาดแล้ว Bespoke AI Jet Ultra ยังมีระบบกรองแบบหลายชั้น เพื่อดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก[10] ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอากาศจะถูกกรองผ่านช่องภายในต่างๆ เช่น ไซโคลนและตะแกรงโลหะอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีประสิทธิภาพการกรองสูงถึง 99.999%[11]

ข้อได้เปรียบที่โดดเด่นอีกอย่างคือ ซัมซุงได้นำระบบกรอง HEPA มาใช้กับระบบกรองแบบหลายชั้น ทำให้ Bespoke AI Jet Ultra สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง 0.3 ไมโครเมตร และช่วยลดปริมาณฝุ่น[12] ที่เล็ดลอดออกสู่อากาศได้

เชิงอรรถ

[1] ผลการทดสอบจาก SLG Prüf- und Zertifizierungs GmbH ซึ่งเป็นสถาบันรับรองมาตรฐานอิสระ ตามมาตรฐาน IEC 62885-4 Cl.5.8 แสดงให้เห็นว่า เมื่อใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมือถือ (ไม่มีหัวแปรง) ในโหมด Jet รุ่นนี้มีพลังดูดสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบด้ามรุ่นอื่นๆ ในตลาดที่มีพลังดูดใกล้เคียงกัน (ต่างกันไม่เกิน 30% จากรุ่นซัมซุงที่ทดสอบ) โดยอ้างอิงจากข้อมูลการขายระหว่างมกราคม – ธันวาคม 2024 ที่รวบรวมโดยสถาบันวิจัยตลาดอิสระ

[2] ในเดือนพฤษภาคม 2023 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับเครื่องแรกที่ได้รับการรับรอง AI จาก UL Solutions ซึ่งเป็นองค์กรวิทยาศาสตร์ความปลอดภัยประยุกต์

[3] จากการทดสอบโดย SLG Prüf- und Zertifizierungs GmbH ตามมาตรฐาน IEC 62885-4 Cl.5.8 โดยวัดพลังดูดที่ช่องดูดลมเข้าของหัวดูดที่ไม่มีมอเตอร์ ขณะที่ถังเก็บฝุ่นว่างเปล่า และใช้โหมด Jet กับแบตเตอรี่ความจุสูงที่ชาร์จเต็มแล้ว พบว่าพลังดูดสูงสุดคงอยู่ได้นานถึง 1 นาที

[4] เวลาการทำงานที่ระบุไว้จะใช้ได้ต่อเมื่อแบตเตอรี่บรรจุพลังงานไว้ในความจุสูงสุด (3970mAh) และระดับพลังงานต่ำสุดพร้อมเครื่องมือที่ไม่ใช้มอเตอร์ต่ออยู่ ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง

[5] ฟังก์ชันที่อัปเดตของโหมดทำความสะอาด AI 2.0 สามารถเปิดใช้งานได้หลังจากลงทะเบียนเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบมีด้ามจับในแอป SmartThings การทำงานของโหมดทำความสะอาด AI 2.0 อาจถูกจำกัดในสภาพแวดล้อมบางอย่าง เช่น เมื่อ All-in-one Clean Station ไม่ได้เสียบปลั๊ก หรือการเชื่อมต่อ Wi-Fi ไม่เสถียร หรือสถานะการเชื่อมต่อ Bluetooth ระหว่างเครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามและ All-in-one Clean Station ไม่เสถียร หากไม่ค่อยได้ใช้งาน โปรดย้าย All-in-one Clean Station ไปยังพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งกีดขวางใกล้เคียง และการอัปเดตฟังก์ชันอย่างต่อเนื่อง ผู้ใช้ควรเปิด Wi-Fi ในบ้านไว้ตลอดเวลา

[6] ความสามารถในการระบุสภาพแวดล้อมการทำความสะอาด อาจได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้

[7] การตรวจจับมุมและรอยต่อระหว่างพื้นกับผนังทำงานเฉพาะในสภาพแวดล้อมพื้นแข็ง “มุม” หมายถึงพื้นที่ที่ผนังเรียบและปิดที่ทั้งสองด้านมาบรรจบกัน พลังดูดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3.5 วินาทีหลังจากกดแปรงกับผนัง หากแปรงสัมผัสเพียงด้านเดียวของมุมหรือมีช่องว่างในมุม อาจไม่ได้รับการตรวจจับว่าเป็นมุม และความแม่นยำในการจดจำและความเร็วในการตอบสนองอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรูปร่างของผนังและสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง

[8] ความเร็วในการหมุนของแปรง (rpm) สามารถปรับได้เฉพาะเมื่อใช้แปรง Active Dual Brush เท่านั้น อิงจากการทดสอบภายในเมื่อใช้ Slim LED Brush+ ตามอัตราส่วนเฉลี่ยทั่วโลกขององค์ประกอบพื้น – พื้นไม้ 76% และพรม 24% มีประสิทธิภาพการทำความสะอาดเท่ากับการใช้งานในโหมดกลาง

[9] ประสิทธิภาพการทำความสะอาด 2% หรือน้อยกว่า ตามมาตรฐาน IEC 62885-2 Cl. 5.1 และ 5.4 การใช้พลังงานแบตเตอรี่วัดจากปริมาณพลังงานที่ใช้จริงขณะใช้เครื่องดูดฝุ่นเป็นเวลา 35 นาทีจากสถานะชาร์จเต็ม ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่อิงจากค่าที่วัดได้จริงตามมาตรฐาน IEC 62885-2 Cl. 7.3.9 ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการใช้งานจริง

[10] หมายถึงอนุภาคฝุ่นที่มีขนาดอยู่ในช่วง 0.5 ถึง 4.2 ไมโครเมตร

[11] อิงจากการทดสอบภายในตามมาตรฐาน IEC 62885-2 Cl. 5.11 โดยใช้โหมด Jet ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง

[12] อิงจากการทดสอบโดย SGS-IBR Laboratories ตามมาตรฐาน ASTM F3150 โดยใช้โหมด Jet ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้งานจริง เปรียบเทียบกับรุ่นตัวกรองที่ไม่ใช่ HEPA ของเรา หมายถึงอนุภาคฝุ่นที่มีขนาด 0.3 ไมโครเมตรขึ้นไป