แหล่งข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน > ข่าวประชาสัมพันธ์
สินค้า > สมาร์ทโฟน
ซัมซุง จับมือสแตนฟอร์ด เมดิซีน ยกระดับการตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เดินหน้าขยายขีดความสามารถด้านสุขภาพในอนาคต
ฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจในขณะหลับบน Galaxy Watch ได้รับการยอมรับมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการอนุมัติจากหลายองค์กรชั้นนำระดับโลก

ซัมซุง และมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ประกาศความร่วมมือในโครงการวิจัยกับ Stanford Medicine เพื่อริเริ่มโซลูชันด้านสุขภาพเชิงนวัตกรรม ซึ่งต่อยอดจากฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับของซัมซุง[1] ที่ได้รับการอนุมัติแบบ De Novo จากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) เนื่องในวันอนามัยโลก โครงการนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการนอนหลับที่ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม โดยจะดำเนินการเพิ่มเติมในด้านการดูแลสุขภาพเชิงรุก เริ่มต้นจากการศึกษานำร่องเพื่อนำไปต่อยอดต่อไป (pioneering study)
โดยศาสตราจารย์ Robson Capasso ในฐานะผู้วิจัยหลัก และศาสตราจารย์ Clete Kushida ในฐานะผู้ร่วมวิจัย ได้สำรวจแนวทางที่เป็นไปได้เพื่อการปรับปรุงฟีเจอร์ตรวจจับภาวะการหยุดหายใจในขณะนอนหลับของซัมซุงให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสนับให้เกิดสุขภาพการนอนหลับที่ดีขึ้นและสามารถให้การช่วยเหลือที่ทันท่วงทีหากเกิดปัญหา ในอนาคต โดยการศึกษาในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การก้าข้ามขีดความสามารถในการตรวจจับ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI สำหรับการติดตามผลรายวันไปสู่การจัดการภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้มีเครื่องมือดูแลการนอนหลับที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้สามารถรับรู้ถึงปัญหาและสามารถปรับปรุงสุขภาพได้ด้วยตนเอง
ฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับของซัมซุงที่มีบน Galaxy Watch[2]จะตรวจจับสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการหายใจอย่างผิดปกติในระดับปานกลางถึงรุนแรง ก่อนหน้านี้เคยได้รับการอนุมัติจาก FDA ของสหรัฐอเมริกา หลังจากได้รับการอนุมัติจากกระทรวงความปลอดภัยอาหารและยาของเกาหลี (MFDS) และล่าสุดได้รับอนุมัติจากสำนักงานเฝ้าระวังสุขภาพแห่งชาติของบราซิล (ANVISA) ทำให้ฟีเจอร์นี้จะพร้อมใช้งานสำหรับผู้ใช้ในบราซิลภายในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ และทำให้สามารถใช้งานได้ 29 ตลาดทั่วโลก ฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับนี้จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นสามารถตรวจพบอาการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพระยะยาวที่เกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้
Robson Capasso, MD, FAASM, Chief of Sleep Surgery, Professor of Otolaryngology and Head and Neck Surgery, former Associate Dean of Research, Stanford University School of Medicine. กล่าวว่า “การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมีจริยธรรม มีความเท่าเทียม และอ้างอิงจากหลักฐานที่น่าเชื่อถือ ถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาแนวทางใหม่ๆ สำหรับการตรวจหาและดูแลจัดการภาวะหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงภาวะสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการนอนหลับ เรารู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนรวมกับความร่วมมือครั้งสำคัญนี้ และภูมิใจที่ได้ริเริ่มทำการศึกษาโดยนำสมาร์ทวอทช์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สวมใส่ที่ใช้งานสะดวกและเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป มาใช้ประโยชน์”
Dr. Hon Pak, Senior Vice President and Head of the Digital Health Team, Mobile eXperience Business, Samsung Electronics. กว่าวว่า “ความร่วมมือกับสแตนฟอร์ด เมดิซีนในครั้งนี้ จะเป็นการผสานความเชี่ยวชาญอย่างลึกซึ้งด้านเทคโนโลยีของซัมซุง เข้ากับศักยภาพด้านการวิจัยระดับแนวหน้าของสแตนฟอร์ด เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมใหม่ๆ ในการดูแลสุขภาพ เรามุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันเพื่อก้าวข้ามจากการเป็นเพียงเครื่องมือตรวจจับ ไปสู่การมอบการโซลูชั่นในชีวิตประจำวันที่มีประโยชน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนเข้าใจและสามารถดูแลสุขภาพการนอนหลับของตนเองได้ดีขึ้น”
เชิงอรรถ
[1] ฟีเจอร์ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นแอปพลิเคชันทางการแพทย์บนมือถือรูปแบบซอฟต์แวร์เท่านั้น ประเภทที่ผู้ใช้ซื้อได้เองโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา (Over-the-Counter – OTC) ซึ่งทำงานบนนาฬิกา Samsung Galaxy Watch และโทรศัพท์ที่รองรับ ฟีเจอร์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจจับสัญญาณของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea) ระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยดูจากรูปแบบการหายใจที่ผิดปกติอย่างชัดเจน ในผู้ใช้งานที่เป็นผู้ใหญ่อายุ 22 ปีขึ้นไป ผ่านการติดตามผลเป็นเวลาสองคืน และมีไว้สำหรับการใช้งานเมื่อผู้ใช้ต้องการ
ฟีเจอร์นี้ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ใช้ที่เคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับมาก่อน ผู้ใช้ไม่ควรใช้ฟีเจอร์นี้เพื่อทดแทนวิธีการวินิจฉัยและรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์โดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณวุฒิ นอกจากนี้ ข้อมูลที่ได้จากฟีเจอร์นี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยความผิดปกติของการนอนหลับแต่อย่างใด
[2] ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละตลาด, ผู้ให้บริการเครือข่าย, รุ่นของนาฬิกา, หรือสมาร์ทโฟนที่ใช้เชื่อมต่อ ฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้บน Galaxy Watch4 series และรุ่นที่ใหม่กว่า โดยนาฬิกาต้องใช้ระบบปฏิบัติการ Wear OS เวอร์ชัน 5.0 ขึ้นไป และต้องจับคู่กับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 12.0 ขึ้นไป
พบปัญหาด้านการบริการ ติดต่อ samsung.com/th/support สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ nawanuch.s@samsung.com