แหล่งข้อมูลสำหรับสื่อมวลชน > ข่าวประชาสัมพันธ์
สินค้า > สมาร์ทโฟน
รู้จักกับ ‘Renata Koch Alvarenga’ ผู้นำ Generation17 กับภารกิจกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศ
Renata Koch Alvarenga เป็นหนึ่งในสมาชิกโครงการ Generation17 ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือระหว่างซัมซุงและโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ที่มุ่งส่งเสริมศักยภาพของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าเพื่อบรรลุ 17 เป้าหมายระดับโลก
นับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา โครงการนี้ได้ให้การสนับสนุนผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลก ด้วยเทคโนโลยี Samsung Galaxy, ทั้งการให้คำปรึกษา และโอกาสในการสร้างเครือข่าย เพื่อขยายเรื่องราวของพวกเขาและขับเคลื่อนโซลูชันต่างๆ ให้ก้าวหน้าครอบคลุมทั้ง 17 เป้าหมายระดับโลก
ในวันที่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหนักจนบราซิล บ้านเกิดของเธอจมอยู่ใต้น้ำ Renata Koch Alvarenga เริ่มตั้งคำถามว่างานที่เธอทำอยู่นั้นสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่ แต่แทนที่จะยอมแพ้ เธอกลับทุ่มเทหนักขึ้นไปอีกด้วยการริเริ่มโครงการใหญ่ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้หญิงและเยาวชนรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศในอนาคต
![]()
17 เป้าหมายระดับโลก คือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) จำนวน 17 ข้อ ที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศใช้ในปี 2015 ในฐานะคำเรียกร้องร่วมกันจากทั่วโลกเพื่อยุติความยากจน ปกป้องโลก และสร้างหลักประกันว่าทุกคนจะมีความเป็นอยู่ที่ดีภายในปี 2030 โดยครอบคลุมประเด็นที่เชื่อมโยงกัน เช่น การศึกษาที่มีคุณภาพ ความเท่าเทียมทางเพศ น้ำสะอาดและการสุขาภิบาล พลังงานสะอาดที่เข้าถึงได้ การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทรัพยากรทางบกและทางทะเล เป็นต้น
ภาพเหตุการณ์ยังคงหลอกหลอนเธออยู่ ในเดือนพฤษภาคม 2024 รัฐ Rio Grande do Sul เผชิญกับน้ำท่วมครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยทำให้เมือง Porto Alegre ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Renata Koch Alvarenga จมอยู่ใต้กระแสน้ำที่ท่วมสูงเป็นประวัติการณ์ มีผู้คนเกือบ 600,000 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย ถนนหลายสายหายไป และสนามบินต้องปิดทำการเป็นเวลาหลายเดือน

ภาพเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2024 ในรัฐ Rio Grande do Sul ประเทศบราซิล ได้ส่งผลกระทบต่อผู้คนเกือบ 2.4 ล้านคน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างใน 478 เมือง รวมถึงเมือง Porto Alegre
“หัวใจฉันแทบจะแตกสลาย” เธอเล่า “ฉันเห็นสถานที่หลายแห่งที่ฉันคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะหรือพิพิธภัณฑ์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก“
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบราซิลสะท้อนถึงภัยคุกคามระดับโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้มหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้นและรูปแบบของฝนเปลี่ยนไป ซึ่งยิ่งทวีความรุนแรงของปรากฏการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว เช่น อุทกภัย ซึ่งจากข้อมูลของ UNDP ยังเผยว่าภายในปี 2100 ความเสี่ยงจากน้ำท่วมชายฝั่งจะเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า และเป็นภัยคุกคามต่อผู้คนกว่า 70 ล้านคนทั่วโลก
หลังจากทุ่มเทรณรงค์และให้ความรู้เรื่องสภาพภูมิอากาศมาหลายปี ความเสียหายครั้งใหญ่—ซึ่งเกิดขึ้นในบางชุมชนที่ Renata เคยเข้าไปช่วยเหลือ—ทำให้เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นเพียงพอแล้วหรือยัง “ฉันชอบเรียกตัวเองว่าเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเรื่องสภาพภูมิอากาศ และชอบมองทุกอย่างในด้านบวกเสมอ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฉันมองโลกในแง่ดีได้ยากมาก” เธอเล่า “มันเป็นเรื่องยากมากที่จะก้าวต่อไป“
ซึ่งสำหรับ Renata แล้ว ทางเลือกมีเพียงสองทาง คือจะยอมแพ้ให้กับความไม่แน่ใจ หรือจะมุ่งมั่นในภารกิจต่อไปให้หนักยิ่งขึ้น
เจาะลึกความยุติธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ
เส้นทางสู่การเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสภาพภูมิอากาศของ Renata เริ่มต้นขึ้นในสมัยมหาวิทยาลัย เมื่อเธอได้รับโอกาสเข้าร่วมการประชุม COP21 การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 21 ณ กรุงปารีสในปี 2015 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้นำทั่วโลกร่วมกันเจรจาข้อตกลงปารีส เธอยังเล่าว่า ได้เห็นนักการทูตหลายคนพูดว่า “ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราต้องพูดถึงเรื่องเพศสภาพ มันไม่เกี่ยวอะไรกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเลย”
คำตอบนี้ได้จุดประกายบางอย่างในตัวเธอ งานวิจัยของ Renata พบว่าวิกฤตสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อคนไม่เท่ากันตามเพศและฐานะทางเศรษฐกิจ โดยผู้หญิงมักจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด แต่กลับถูกกันออกจากการมีส่วนร่วมตัดสินใจ ความไม่สมดุลนี้คือหัวใจของความยุติธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ จากข้อมูลของ UN Women คาดการณ์ว่า ภายในปี 2050 การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจทำให้ผู้หญิงและเด็กหญิงอีก 158 ล้านคนต้องตกอยู่ในความยากจนขั้นรุนแรง ขณะที่ผู้ชายและเด็กชายจะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น 16 ล้านคน
หลังจบ COP21 Renata ตัดสินใจที่จะลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลง

จากแรงบันดาลใจที่ปารีส Renata จึงมุ่งมั่นทำงานเพื่อเปิดทางให้คนจากกลุ่มชายขอบได้มีปากมีเสียงในการรณรงค์เรื่องสภาพภูมิอากาศมากขึ้น
พลังเทคโนโลยีเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
หลังจากทุ่มเทรณรงค์และศึกษามานานหลายปี Renata ได้ก่อตั้ง EmpoderaClima ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านการให้ความรู้และขับเคลื่อนประเด็นสภาพภูมิอากาศและเพศ ด้วยหลักการง่ายๆ ว่า “ความรู้คือพลัง และพลังจะนำมาซึ่งความเท่าเทียม” องค์กรนี้เริ่มจากการเปิดตัวเว็บไซต์ในปี 2019 เพื่อใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการกระจายข้อมูลเรื่องสภาพภูมิอากาศให้ทุกคนเข้าถึงได้
“เทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ EmpoderaClima เพราะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เราไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีอื่น” Renata กล่าว “การขยายผลและการเติบโตของโซเชียลมีเดีย รวมถึงฐานข้อมูลดิจิทัลของเรานั้นมีพลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ” เธอกล่าวเสริม
ด้วยการแปลข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศและความเสมอภาคทางเพศเป็นภาษาฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส ช่วยให้ EmpoderaClima ได้ทลายกำแพงทางภาษาซึ่งกีดกันชุมชนต่างๆ ออกจากการหารือเรื่องสภาพภูมิอากาศระดับนานาชาติ นอกจากนี้ โซเชียลมีเดียยังช่วยให้องค์กรสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว จนมีผู้เข้าถึงกว่า 60,000 คนทั่วโลก

เว็บไซต์ EmpoderaClima รวบรวมข้อมูลเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไว้ในหลายภาษา ทำให้ชุมชนต่างๆ ในละตินอเมริกาและทั่วโลกเข้าถึงได้ง่าย
ก้าวข้ามขีดจำกัดของโลกดิจิทัล
เมื่อ EmpoderaClima เติบโตขึ้น โครงการต่างๆ ขององค์กรก็ขยายตัวตามไปด้วย ปัจจุบันมีการจัดเวิร์กช็อปสำหรับนักศึกษา มีโครงการให้คำปรึกษาด้านสภาพภูมิอากาศและความเป็นผู้นำสำหรับผู้หญิง รวมถึงเป็นผู้นำด้านการรณรงค์ที่นำพาผู้หญิงรุ่นใหม่สู่เวทีระดับโลก
ทีมของ Renata เดินทางไปตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้ความรู้เรื่องสภาพภูมิอากาศแก่เยาวชนในชุมชนที่เสี่ยงภัย โดยเน้นไปที่เป้าหมายระดับโลกของสหประชาชาติในประเด็นการศึกษา (Goal 4), ความเท่าเทียมทางเพศ (Goal 5) และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Goal 13)
นักเรียนในเมือง São Leopoldo ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ประเทศบราซิล ได้เรียนรู้ว่าประสบการณ์ด้านสภาพอากาศของพวกเขาเชื่อมโยงกับนโยบายระดับโลกอย่างไร
เหตุการณ์น้ำท่วมที่บราซิลเมื่อปีที่แล้ว เผยให้เห็นว่าการรับมือกับภัยพิบัติยังมีช่องโหว่ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลผู้หญิงและเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหานี้ Renata จึงเริ่มต้นโครงการ “ผู้หญิงเพื่อการฟื้นตัวจากสภาพภูมิอากาศ” (Women for Climate Resilience) ซึ่งให้ผู้นำชุมชนได้เรียนรู้ทักษะที่จำเป็น เช่น การเตรียมรับมือภัยพิบัติ การดูแลสุขภาพจิต และการปรับตัวเข้ากับสภาพภูมิอากาศ จากนั้นจึงนำความรู้ที่ได้กลับไปถ่ายทอดให้แก่ชุมชนของตนเอง ซึ่งโครงการนี้ได้เข้าถึงผู้หญิงในสามภูมิภาคของบราซิลแล้ว
“ฉันรู้สึกมีพลัง เข้มแข็ง และมีไฟอีกครั้ง” Janaína dos Santos นักสังคมสงเคราะห์จากเมือง Porto Alegre กล่าวในเวิร์กช็อป Women for Climate Resilience ที่เพิ่งจัดไปเมื่อไม่นานมานี้
เหล่าผู้นำหญิงเข้าร่วมเวิร์กช็อปเรื่องการฟื้นตัวจากสภาพภูมิอากาศของ EmpoderaClima เพื่อฝึกฝนทักษะและกลยุทธ์ต่างๆ ในการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีกว่าเดิม
สร้างอนาคตด้านสภาพภูมิอากาศที่ครอบคลุมสำหรับทุกคน
ในขณะที่ภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ Renata กล่าวว่า งานของเธอไม่เคยมีความสำคัญเท่านี้มาก่อน “สิ่งที่ฉันฝันอยากให้เกิดขึ้นในอนาคต คือการขยายขอบเขตการทำงานของเราไปทั่วโลก และสร้างเครือข่ายผู้หญิงให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้พวกเธอมีพลังและพร้อมที่จะลงมือทำเพื่อความยุติธรรมด้านสภาพภูมิอากาศ” เธอยังเชื่อว่าเทคโนโลยีคือหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ EmpoderaClima เติบโต และจะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างผลกระทบที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต
สำหรับ Renata ร่องรอยน้ำท่วมในบ้านเกิดไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการสูญเสียเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถในการฟื้นตัวและโอกาสที่จะสร้างทุกอย่างขึ้นใหม่โดยมี “ความยุติธรรม” เป็นแกนหลัก วิสัยทัศน์ของเธอชัดเจน: โลกที่ผู้หญิงและเยาวชนไม่เพียงแค่ต้องอดทนต่อความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ แต่ยังสามารถร่วมร่วมสร้างทางออกของปัญหาได้ด้วยตัวเอง
พบปัญหาด้านการบริการ ติดต่อ samsung.com/th/support สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ nawanuch.s@samsung.com