สินค้า > สมาร์ทโฟน
ซัมซุงเผย 4 เหตุผลที่ทำให้ Galaxy Watch4 คือเพื่อนซี้ที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกาย
ในปีที่ผ่านมา การรักษาความฟิตคงเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องนั่งทำงานที่โต๊ะต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง ซึ่งถึงแม้เราจะต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน แต่การออกกำลังกายก็ถือเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรจะละเลย
ทั้งนี้ ถ้าคุณต้องการเพื่อนที่จะมาช่วยดูแลคุณตลอดเวลาเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น สมาร์ทวอทช์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่หรือมีไลฟ์สไตล์อย่างไร เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันอันล้ำสมัยที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีใน Samsung Galaxy Watch4 จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความสนุกในทุกกิจกรรมได้อีกด้วย
Galaxy Watch4 มาพร้อมตัวเลือกขนาดหน้าปัด 40 มม. (BLT) ในสี Black และ Pink Gold และหน้าปัดขนาด 44 มม. ในสี Black และ Green พร้อมความสามารถในการนำเสนอข้อมูลตลอดจนผลวิเคราะห์ที่แม่นยำเพื่อช่วยให้คุณเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุดได้!
พบกับ 4 เหตุผลที่ทำให้ Samsung Galaxy Watch4 เป็นเพื่อนซี้ที่ดีที่สุดในการออกกำลังกายกัน
1. ทดสอบขีดจำกัดของตัวเองกับฟีเจอร์ Group Challenges
หนึ่งในสถานการณ์ที่พวกเราส่วนใหญ่คุ้นเคย คือความเหนื่อยล้าหลังจากทำงานหรือเรียนมาทั้งวัน จนอยากจะข้ามการออกกำลังกายไปเพื่อพักดูรายการทีวีสุดโปรด และเมื่อเจอกับปัญหานี้คงไม่มีแรงกระตุ้นไหนที่ดีไปกว่าการสนับสนุนจากเหล่าเพื่อนๆ ที่จะช่วยให้เรามีแรงฮึดที่จะลุกขึ้นมาออกกำลังกายต่อได้
ด้วยฟีเจอร์ Group Challenges ใน Galaxy Watch4 จะทำให้คุณสามารถติดตามการออกกำลังกายของเพื่อนหรือคนที่คุณรัก ตลอดจนสร้างแรงจูงใจให้กันและกันผ่านกระดานข้อความและกระดานสถิติการแข่งขัน (leaderboard) ที่ช่วยให้คุณสามารถติดตามความคืบหน้าของสมาชิกแต่ละคนได้แบบเรียลไทม์!
ยิ่งไปกว่านั้น คุณสามารถครีเอทชาเลนจ์สุดสร้างสรรค์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ถ้าสมาชิกในครอบครัวคนไหนที่สามารถสะสมก้าวได้มากกว่า 8,000 ก้าวภายในสามวัน จะได้รับไอศกรีม 1 สกู๊ป หรือถ้าเป็นการออกกำลังกายร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ลองตั้งรางวัลเป็นเหรียญที่ระลึกหรือบัตรกำนัลสำหรับการซื้อของให้กับคนที่แอคทีฟที่สุดประจำเดือนดูสิ
2. ค้นพบประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุด จากความร่วมมือของ Tizen และ Google
Galaxy Watch4 ถือเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกที่มาพร้อมกับ Wear OS ซึ่งเป็นการรวมเอาระบบปฏิบัติการ Tizen (OS) ที่ดีที่สุดของซัมซุงผสานเข้ากับ Wear OS ของ Google ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงหลากหลายอีโคซิสเต็มได้อย่างง่ายดายจากสมาร์ทวอทช์บนข้อมือ
นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของการเติมพลังให้กับการออกกำลังกายของคุณด้วย Wear OS:
- สำรวจเส้นทางใหม่ๆ ในการการวิ่ง เดินป่า และปั่นจักรยาน ด้วยสมาร์ทวอทช์บนข้อมือได้อย่างสะดวกสบายผ่าน Google Maps ที่ช่วยบอกเส้นทาง ด้วยการส่งตรงข้อมูลจากสมาร์ทโฟนไปยังสมาร์ทวอทช์ได้ทันที
- จ่ายเงินค่าเครื่องดื่มหรือสินค้าอื่นๆ โดยไม่ต้องพกสมาร์ทโฟนหรือกระเป๋าสตางค์ผ่าน Google Pay[1]
- สตรีมเพลงให้เข้ากับอารมณ์ในการออกกำลังกายของคุณด้วยแอปพลิเคชันเพลงที่ติดตั้งให้แล้วในเครื่อง( built-in music apps) เช่น Spotify หรือ YouTube โดยไม่ต้องนำสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วย![2]
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันออกกำลังกายในประเภทที่คุณสนใจ เช่น Strava, com, Adidas Running หรือ GOLF BUDDY: SMART CADDIE และอื่นๆ อีกมากมายผ่าน Google Play Store บน Galaxy Watch4 ได้โดยตรง
3. ใช้งานร่วมกับ Galaxy Buds2 ได้อย่างไหลลื่นไร้รอยต่อ
ดนตรีสามารถสร้างบรรยากาศเพื่อเติมพลังในการออกกำลังกายให้กับใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็น การเลือกฟังเพลงเฮาส์ที่มีเบสหนักแน่นช่วยกระตุ้นพลังงานในการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง (high-intensity workout) ตลอดจนการฟังเพลงแจ๊สที่ช่วยสร้างความสงบผ่อนคลายระหว่างคลาสโยคะ
Galaxy Buds2 มาพร้อมกับระบบ Active Noise Cancelling ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 98%[3] [4] จึงทำให้เป็นคู่หูสุดเพอร์เฟ็คเมื่อใช้งานร่วม Galaxy Watch4 ในการควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกาย
ในขณะเดียวกัน Galaxy Buds2 ยังมี Ambient Mode ที่ให้คุณสามารถเลือกปรับระดับการรับฟังเสียงบรรยากาศภายนอกได้ถึง 3 ระดับ พร้อมสั่งงานได้โดยตรงจาก Galaxy Watch4 ช่วยให้คุณเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาดีๆ โดยไม่ถูกตัดขาดกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวระหว่างออกกำลังกาย นอกจากนี้คุณยังสามารถฟังเพลงโปรดไปพร้อมกับพูดคุยกับเพื่อนๆ ระหว่างที่วิ่งเป็นกลุ่มได้อีกด้วย
Galaxy Buds2 สามารถใช้งานได้ถึง 5 ชั่วโมงในโหมด ANC ช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในวันที่ออกกำลังกายนานกว่าปกติ
4. ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพอัจฉริยะ
การเข้าถึงข้อมูลด้านสุขภาพที่จำเป็น ทำให้เรามองเห็นผลลัพธ์ของการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำได้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังเปรียบเสมือนเครื่องเตือนใจให้เราลุกขึ้นมาออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
Galaxy Watch4 สามารถแสดงผลข้อมูลสุขภาพได้อย่างเหนือชั้น ด้วยเซ็นเซอร์ BioActive ที่ล้ำสมัย ช่วยให้สามารถวัดค่าความดันโลหิต[5] [6] ตรวจสอบระดับออกซิเจนในเลือด[7] คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) รวมถึงยังเป็นครั้งแรกกับการวัดข้อมูลร่างกาย[8] (Body Composition) ผ่านสมาร์ทวอทช์อีกด้วย
ผู้ใช้สามารถออกกำลังกายได้อย่างไร้กังวล เพราะสามารถติดตามค่าความดันโลหิตและค่าคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ ECG เพื่อดูการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด พร้อมตรวจจับสิ่งผิดปกติได้จาก Galaxy Watch4 โดยฟีเจอร์นี้จะสามารถจดจำอัตราการเต้นของหัวใจและจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ พร้อมส่งข้อมูลจากสมาร์ทวอทช์ตรงไปยังสมาร์ทโฟนซัมซุง ที่ใช้งานร่วมกันได้อย่างง่ายดาย[9] [10] [11] [12]
เห็นไหมล่ะว่าเพื่อนซี้อย่าง Galaxy Watch4 ช่วยผลักดันให้พวกเรามีไลฟ์สไตล์ที่แอคทีฟขึ้นและมีสุขภาพดีขึ้นได้มากแค่ไหน!
[1] Google Pay เปิดให้บริการในบางประเทศเท่านั้น ตรวจสอบได้ที่ https://support.google.com/pay/answer/9023773?hl=en
[2] พร้อมให้ใช้งานได้เฉพาะ Galaxy Watch4 รุ่น LTE เท่านั้น
[3] ANC เปิดใช้งานในค่าเริ่มต้น สามารถกำหนดค่าท่าทางการสัมผัสและการแตะค้างสำหรับ ANC ได้ในแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable
[4] เลือกปรับ Ambient Sound 3 ระดับได้ในแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable
[5] ฟีเจอร์ตรวจวัดความดันโลหิต เปิดให้บริการในบางประเทศ และเพื่อความแม่นยำของข้อมูล ผู้ใช้ควรทำการเปรียบเทียบค่าตรวจวัดที่ได้กับเครื่องวัดความดันโลหิตแบบดั้งเดิมทุก 4 สัปดาห์ โดยฟีเจอร์ดังกล่าวไม่สามารถใช้วินิจฉัยอาการของโรคความดันโลหิตสูง หรือภาวะอื่นๆ หรือตรวจจับสัญญาณของอาการหัวใจวายได้ แอปพลิเคชันนี้สำหรับผู้ใช้ที่มีอายุ 22 ปีขึ้นไปเท่านั้น ฟีเจอร์ดังกล่าวไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อใช้แทนวิธีตรวจวัดแบบปกติ หรือวินิจฉัยและทำการรักษาแทนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด
[6] รองรับบนสมาร์ทโฟนซัมซุงกาแลคซี่ เวอร์ชัน Android 7 ขึ้นไป บนแอปพลิเคชัน Samsung Health Monitor ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทาง Samsung Galaxy App Store เท่านั้น เนื่องด้วยข้อจำกัดของแต่ละประเทศในการขออนุมัติ / ขึ้นทะเบียนเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทำให้แอปพลิเคชันสำหรับตรวจวัดค่าด้านสุขภาพ (Samsung Health Monitor) จะสามารถใช้งานได้บนสมาร์ทวอทช์และสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในประเทศที่รองรับบริการเท่านั้น
[7] ฟีเจอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรคหรืออาการอื่นๆ หรือใช้เพื่อการรักษา บรรเทา บำบัด หรือป้องกันโรค โดยใช้สำหรับการดูแลสุขภาพในระดับทั่วไปเท่านั้น
[8] สำหรับการดูแลสุขภาพในระดับทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจหา วินิจฉัย หรือทำการรักษาอาการหรือโรคแต่อย่างใด ใช้สำหรับการอ้างอิงส่วนบุคคลเท่านั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับคำแนะนำ ห้ามทำการตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกายในผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจหรือผู้ที่มีเครื่องมือแพทย์อื่นๆ ฝังในร่างกาย ห้ามทำการตรวจวัดหากกำลังตั้งครรภ์ ค่าวัดอาจมีความคลาดเคลื่อนในผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ฟีเจอร์ดังกล่าวอาจรองรับแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
[9] ฟีเจอร์ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจและวัดความดันโลหิตสำหรับผู้ใช้ที่มีอายุ 22 ปีขึ้นไปเท่านั้น และเพื่อความแม่นยำของข้อมูล ผู้ใช้ควรทำการเปรียบเทียบค่าตรวจวัดที่ได้กับเครื่องวัดความดันโลหิตแบบดั้งเดิมทุก 4 สัปดาห์ รองรับบนสมาร์ทโฟนซัมซุงกาแลคซี่ เวอร์ชัน Android 7 ขึ้นไป
[10] แอปฯ วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ทราบถึงอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะอยู่แล้วหรือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 22 ปี และไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการตรวจหา วินิจฉัย หรือทำการรักษาอาการหรือโรคแต่อย่างใด ใช้สำหรับการอ้างอิงส่วนบุคคลเท่านั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับคำแนะนำ
[11] รองรับบนสมาร์ทโฟนซัมซุงกาแลคซี่ เวอร์ชัน Android 7 ขึ้นไป บนแอปพลิเคชัน Samsung Health Monitor (สามารถดาวน์โหลดได้ทาง Samsung Galaxy App Store เท่านั้น)
[12] ผู้ใช้ควรวัดค่าความดันโลหิตขณะพัก เช่นเดียวกับการใช้เครื่องวัดความดันโลหิตแบบดั้งเดิม และงดการวัดค่าขณะกำลังออกกำลังกาย สูบบุรี่ หรือดิ่มเครื่องดื่ม
พบปัญหาด้านการบริการ ติดต่อ samsung.com/th/support สื่อมวลชนต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ nawanuch.s@samsung.com